“บิ๊กตู่” รดน้ำขอพรผู้สูงอายุ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ย้ำเป็นปชต.บ้านเมืองสงบ สอนต้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์จะได้ไม่เป็นคนโง่
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 62 ที่บ้านพักคนชรา บางแค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เดินทางไปยังศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ บ้านบางแค เขตภาษีเจริญ พร้อมด้วยพล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองนายกฯ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน และนายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม โดยนายกฯพบปะเยี่ยมผู้สูงอายุ และได้รดน้ำขอพรพระ รวมถึงรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ และในวันที่ 14 เม.ย.ถือเป็นวันผู้สูงอายุ โดยทางโรงเรียนผู้สูงอายุได้จัดการแสดงชุดรำวงดาวพระศุกร์ โดยนักเรียนโรงเรียนผู้สูงอายุบ้านบางแครุ่นที่ 3 และการแสดงประกอบเพลง "คนดีไม่มีวันตาย" ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นภายใต้กิจกรรมสืบสานประเพณีสงกรานต์
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้ร่วมรำวงเพลง "ระบำสาวกันตรึม" อย่างครึ้นแครง ก่อนรดน้ำขอพรผู้สูงอายุ จำนวน 6 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นได้มีคุณยายเนียร พงศ์พิชัย อายุ 102 ปี เป็นผู้สูงอายุที่มีอายุมากที่สุดในศูนย์แห่งนี้ โดยได้อาศัยอยู่ที่บ้านพักบางแค 5 ปี 10 เดือน โดยนายกฯ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันมงคลวันนึงที่ได้มาพบผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ นับได้ว่าเป็นการพัฒนาทุกช่วงวัยที่ผ่านมาจากเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ มาจนผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีความเชื่อมโยงสืบสานการเจริญเติบโต ทั้งนี้หลายท่านเกิดในยุคสมัยที่ไม่ใช่แบบนี้ ซึ่งวันนี้โลกดิจิตอล มันทำให้คนมีวิกฤตและโอกาส ซึ่งคนสมัยก่อนไม่เจอ แต่วันนี้เราอยู่ในยุคการเปลี่ยนแปลงโลก อย่างไรก็ตามคนไทยนับถือเรื่องผู้ที่มีวัยสูงกว่าเคารพผู้หลักผู้ใหญ่สืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม อย่างเช่นงานสงกรานต์ วันปีใหม่ ซึ่งมีความเป็นมาของประเทศไทย และที่มีการพัฒนาตามลำดับ นี่คือประเทศไทยของเรา ที่จะต้องทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ถ้าจะมุ่งเน้นติติงกันทุกเรื่องก็ทำไม่ได้ วันนี้รัฐบาลพยายามดูแลผู้สูงอายุให้มากยิ่งขึ้นเพราะสังคมสูงวัยเป็นสิ่งที่คนทั้งโลกมีมากขึ้น


นายกฯ กล่าวต่อว่า หากเราไม่รู้ว่าประเทศไทยของเราเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เราก็จะไม่เกิดแรงบันดาลใจ ดังนั้นเราจำเป็นต้องเรียนรู้จะได้ไม่เป็นคนโง่ อะไรที่ดีให้สืบสานต่อ ต้องนำประวัติศาสตร์มาประยุกต์ในปัจจุบัน สิ่งไหนดีก็ทำต่อไป สิ่วไหนไม่ดีอย่าทำ ประวัติศาสตร์ชาติประเทศไทย เป็นดินแดนแห่งความสุข เป็นดินแดนแห่งรอยยิ้ม และมีทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม ซึ่งวันนี้เราต้องรักษาสิ่งเหล่านั้นให้ได้เข้าใจดีว่าพวกท่านมีความจำเป็นมาอยู่ที่นี่ เห็นใจลูกหลานบางคนไม่มีกำลังดูแล รัฐบาลจึงเข้ามาดูแลตรงนี้ ทั้งนี้สิ่งที่ขอมา 3-4 ทั้งโรงนอน ห้องพยาบาล นักกายภาพ และสัญาณไฟข้ามถนนซึ่งตนได้ให้กระทรวงพัฒนาสังคมฯ รับไปดำเนินการ โดยเฉพาะเรื่องอาคารยินดีให้ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัด วันนี้มีความสุขเหมือนได้เจอคุณพ่อ คุณแม่อีกครั้งหนึ่ง วันนี้คุณพ่อของตนความจำไม่ค่อยดีแล้ว แต่คุณแม่เสียไปนานแล้ว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ดังนั้นวันนี้ขอฝากพวกเราให้เป็นหลักประเทศ เพราะเราเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นพ่อเป็นแม่ พี่ป้าน้าอาฉะนั้นเราควรจะให้กำลังใจเขาและบอกเขาสิ่งสำคัญที่สุด เขาจะต้องมีหลักตัวเองในเรื่องของสถาบัน ซึ่งวันนี้ต่างประเทศมาเกี่ยวข้องเราเยอะเรามีทูตฯหลายสิบประเทศในประเทศไทยและเราก็ไปอยู่ข้างนอกเหมือนกันเป็นร้อยประเทศฉะนั้นเราเชื่อมโยงกัน ถ้าเราทำอะไรไม่ดีก็ ออกไปต่างประเทศความมีเสถียรภาพ การค้าจะหายหมด ฉะนั้นการเป็นประชาธิปไตยก็เป็นเรื่องที่จำเป็น แต่จะทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยในแบบที่บ้านเมืองสงบ นั่นคือการปฏิรูป ซึ่งตนทำคนเดียวไม่ได้ ต้องช่วยกัน วันนี้ดีใจพรุ่งนี้จะทำบุญ วันนี้มาร่วมอวยพรและขอพรจากพวกท่านเมื่อเช้าได้ไปขอพรจากท่านพลเอกเปรม ซึ่งอายุ 99 เกือบ 100 แล้วยังเดินเหินได้ พูดคุยเก่ง ให้โอวาทได้เหมือนเดิม นั่นแหละทุกคนต้องรักษาสุขภาพให้ได้แบบนั้น

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องเพลงตามคำขอของผู้สูงอายุด้วยเพลง จงรัก และเพลงคนดีไม่มควันตาย พร้อมกับกล่าวว่า เราต้องทำวันนี้เพื่อคนรุ่นใหม่ ในวันข้างหน้าเราเป็นผู้กำหนดประวัติศาสตร์ของตัวเองว่าจะโตไปทิศทางใด เราต้องพ้นจากประเทศกับดักป่นกลางมีรายได้มากขึ้น
"อะไรก็ตามที่จะทำให้บ้านเมืองไม่สงบสุข ขอให้เตือนลูกหลานให้ได้เราต้องอยู่แบบสังคมสงบสุข เราจะทะเลาะกันอีกไม่ได้แล้ว ยิ่งทะเลาะกันเท่าไหร่ จะทำให้ประเทศเสียหาย อะไรเป็นเรื่องกฎหมายก็แก้กันไป โดยคนที่มีหน้าที่ หากไม่พอใจก็ร้องอุทธรณ์ ซึ่งเขามีกติกาทั้งหมด ซึ่งวันนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ซึ่งตนก็ไม่อาจจะไปแก้ตัวให้กับใครได้ เพราะแต่ละคนหน้าที่ไม่เหมือนกัน ถ้ายุ่งทุกเรื่องก็จะกลายเป็นรัฐบาลที่ถูกเขาว่าอีก ถ้ามีอำนาจจริงๆจะชี้ให้คนนั่งตรงหน้าสาวขึ้นกว่าเดิม”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว